ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา ไม่วันใดก็วันหนึ่งนักเตะแต่ละคนก็ต้องจากสโมสรไปไม่ว่าจะด้วยการย้ายทีมหรือแขวนสตั๊ดไม่เว้นแม้แต่นักเตะระดับตำนานสโมสร เพียงแต่การจากลาของแต่ละคนจะน่าจดจำขนาดไหนย่อมขึ้นอยู่กับผลงานในช่วงสุดท้ายกับทีม ซึ่งนี่คือ 3 นักเตะยุคปัจจุบันที่อำลาจากสโมสรเก่าไปสู่ทีมใหม่ด้วยตำแหน่งแชมป์
1. เอเดน อาซาร์ : แชมป์ยูโรปาลีก 2018-19
อาซาร์ย้ายจากลีลล์ มาอยู่กับเชลซีตั้งแต่ปี 2012 ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ เพียงนัดแรกที่ลงสนามเขาก็ฉายแววการเป็นสุดยอดเพลย์เมคเกอร์ทันทีด้วยการเก็บ 2 แอสซิสต์ตั้งแต่นัดประเดิมพรีเมียร์ลีก ก่อนที่จะกลายเป็นนักเตะที่ทีมสิงโตน้ำเงินครามขาดไม่ได้ในที่สุด อาซาร์ออกสตาร์ทซีซั่นแรกกับเชลซีด้วยแชมป์ยูโรปาลีกตามมาด้วยตำแหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลถัดมา ก่อนที่จะพาทีมสิงห์บลูเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีกคัพ ในฤดูกาล 2014-15 พร้อมรับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีกจากการโหวตของสมาคมนักข่าวและสมาคมนักเตะไปครอง หลังจากนั้นจอมทัพชาวเบลเยี่ยมก็นำเชลซีเป็นแชมป์เอฟเอคัพและแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกสมัย
ในฤดูกาล 2018-19 แม้จะมีข่าวอย่างหนักว่าเรอัล มาดริดต้องการตัวอาซาร์ไปทดแทนการจากไปของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่อาซาร์ก็ยังคงทุ่มเทเต็มร้อยให้กับเชลซีจนพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกได้สำเร็จ หลังจากฉลองแชมป์ได้ไม่กี่วันอาซาร์ก็เปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของเรอัล มาดริดทันที หยุดสถิติกับเชลซีไว้ที่ 110 ประตู กับอีก 92 แอสซิสต์ จาก 352 เกม โดยมีแชมป์ยูโรปาเป็นทั้งแชมป์แรกและแชมป์สุดท้ายในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
2. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ : แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2017-18
หลังจากย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกถึง 80 ล้านปอนด์ โรนัลโด้ก็ลงสนามรับใช้ทีมราชันชุดขาวอย่างคุ้มค่าตัวทุกเพนนีด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย, แชมป์โคปา เดล เรย์ 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 4 สมัย นอกจากนั้นยังสร้างสถิติร่วมกับเรอัล มาดริดไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักเตะที่ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วยจำนวน 450 ประตู, นักเตะที่ยิงประตูในลาลีกาถึง 300 ประตูเร็วที่สุดด้วยการลงสนามเพียง 286 นัด และนักเตะคนแรกที่ยิงประตูคู่แข่งครบทุกทีมในศึกลาลีกาหนึ่งฤดูกาล เป็นต้น
ฤดูกาล 2017-18 มีกระแสข่าวหนาหูว่านี่อาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายของโรนัลโด้ในถิ่นซานติเอโก เบอร์นาบิว เนื่องจากเขาอาจไม่ใช่นักเตะคนสำคัญชนิดที่ทีมจะขาดไม่ได้อีกต่อไปแล้วในสายตาของประธานสโมสรอย่างฟลอเรนติโน่ เปเรซ ดังนั้นเมื่อโรนัลโด้พาเรอัล มาดริดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ เขาจึงประกาศแยกทางกับทีมราชันชุดขาวทันที ปิดฉากตำนานกับเรอัล มาดริดด้วยการเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 5 สมัย
3. เวย์น รูนี่ย์ : แชมป์ยูโรปาลีก2016-17
รูนี่ย์ขายวิญญาณให้ทีมปีศาจแดงตั้งแต่อายุ 18 ปี เพียงนัดแรกที่ลงสนามเจ้าหนูค่าตัว 25.6 ล้านปอนด์ก็ยิงแฮตทริกได้ทันทีโดยมี เฟเนร์บาห์เช่ เป็นเหยื่อในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากนั้นศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษก็ถล่มประตูเป็นว่าเล่นจนกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยจำนวน 253 ประตู นำกองทัพอสูรกวาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, แชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย, แชมป์ลีกคัพ 3 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 1 สมัย
ในซีซั่น 2016-17 รูนี่ย์ในวัย 31 ปีมีสภาพร่างกายที่โรยราไปตามกาลเวลา ทั้งความเร็ว ความดุดัน และความเฉียบคมเริ่มถดถอยลง มีเพียงความแม่นยำในการเปิดบอลเท่านั้นที่ยังใช้การได้ดีอยู่ ทำให้กัปตันรูนี่ย์ต้องปรับบทบาทมาเล่นเป็นมิดฟิลด์อยู่บ่อยครั้ง หลังปิดฉากฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์ลีกคัพและแชมป์ยูโรปาลีกรูนี่ย์เลือกย้ายกลับไปเล่นให้กับเอฟเวอร์ตันอีกครั้ง ปิดฉากชีวิตในรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดไว้ที่ 13 ฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์ 16 รายการ
การจากไปของทั้งสามคนส่งผลต่อสโมสรเก่าของพวกเขาอย่างมาก เชลซีขาดจอมทัพที่คอยสร้างสรรค์เกมบุก, เรอัล มาดริดขาดเครื่องจักรผลิตสกอร์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขาดนักเตะที่ทุ่มเทเกินร้อยให้กับทีม ทำให้เหล่าแฟนคลับยังคงคิดถึงพวกเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้
เครดิตภาพ: https://i.insider.com/5b44e5aa0eb2be34008b4e5c?width=1100&format=jpeg